พลิกประวัติศาสตร์ ‘ อมตะวาจา ครูบาศรีวิชัย ’ 1

ว่าด้วยอมตะวาจาของ ครูบาศรีวิชัย

หากกล่าวถึงอมตะวาจา ‘ครูบาศรีวิชัย’ หลายคนมักเคยได้ยินเรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมาว่า ครูบาศรีวิชัยได้กล่าวอมตะวาจาไว้ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจเมื่อครั้งที่ท่านถูกอธิกรณ์เมื่อ พ.ศ. 2478 ว่า “หากน้ำปิงไม่ไหลย้อนขึ้นเหนือ จะไม่ขอไปเหยียบแผ่นดินเชียงใหม่”

ผู้เขียนซึ่งเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับอมตะวาจานี้มาเช่นกัน โดยได้ยินมา 2 เรื่องที่มีความสัมพันธ์กัน 

เรื่องแรกคือ การสร้างอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยที่เชิงดอยทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ ที่เล่ากันว่า อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยเมื่อครั้งสร้างเสร็จแล้วได้ไปรับรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยจากกรุงเทพฯ

มาเพื่อประดิษฐานที่เชิงดอยสุเทพ แต่ไม่สามารถนำลงจากรถได้ และหลายคนเชื่อกันว่า สงสัยเป็นเพราะอาถรรพ์ของอมตะวาจานี้ จนกระทั่งมีการสร้างเขื่อนภูมิพลที่จังหวักตาก ทำให้น้ำไหลขึ้นท่วมขึ้นทางเหนือเมื่อ พ.ศ. 2507 จึงสามารถอันเชิญรูปเหมือนกลับมาประดิษฐานที่เชิงดอยสุเทพได้จนถึงทุกวันนี้

อีกเรื่องหนึ่งคือ คนภาคเหนือเชื่อว่า ท่านคือครูบาศรีวิชัยกลับชาติมาเกิด เพราะท่านมาเกิดใน พ.ศ. 2508 ซึ่งเป็นปีหลังจากการสร้างเขื่อนภูมิพล

คนจึงเชื่อกันว่า ขวัญ (ความเชื่อเรื่อง 32 ขวัญของคนล้านนา) ของครูบาศรีวิชัยได้กลับมาอยู่ที่เชียงใหม่อีกครั้ง และได้มาเกิดเป็นตัวท่านเอง ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นไปตามตำนานอมตะวาจาที่เล่าขานกัน

ณ เวลานั้นผู้เขียนก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าคำกล่าวอมตะวาจานี้ของครูบาศรีวิชัยได้กล่าวออกมาจริงๆ หรือเป็นเพียงตำนานที่เล่าขานกันมาของคนในท้องถิ่นเชียงใหม่และลำพูนเพียงเท่านั้น แม้กระทั่ง อาจารย์เพ็ญสุภา สุขคตะ

ซึ่งได้เขียนบทความลงคอลัมน์ประจำใน มติชนรายสัปดาห์ เรื่อง เงื่อนงำแห่งอมตะวาจาครูบาเจ้าศรีวิชัย 

“หากน้ำปิงไม่ไหลย้อน จักไม่ขอเหยียบนครเชียงใหม่” 

ก็ไม่ทราบที่มาของตัวคำกล่าวนั้นเช่นกันว่า ครูบาศรีวิชัยได้กล่าวคำพูดนี้ออกมาจริงหรือไม่ ได้กล่าวมาเมื่อไร และ ได้กล่าวกับใคร

สถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญู ค้นพบวัตถุโบราณ


ขอบคุณข้อมูลจาก https://thestandard.co/kruba-sri-wichai-2475/

เชิญท่องเที่ยววัดดอยดวงแก้ว

เชิญเที่ยวเชียงใหม่ 

ประวัติครูบา