สถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญู ขอนำเสนอ นิมิตครั้งหนึ่งที่ครูบาชัยยาปัถพี
ในนิมิตครั้งหนึ่งที่ครูบาชัยยาปัถพี ทราบนั้นเมื่อสมัยที่พระนเรศวรมหาราชได้ยกทักมาปราบกบฏที่ทางภาคเหนือ ก่อนที่องค์พระนเรศวรจะเดินทางไปตั้งทัพที่อำเภอแม่สรวยนั้นได้มีการเดินทางลัดเลาะมาตามขุนเขา
เพราะการเดินทัพสมัยก่อนนั้นต้องมียุทธศาสตร์เพื่อป้องกันศัตรูเห็นความเคลื่อนไหว องค์พระนเรศวรที่ชำนาญทางยุทธศาสตร์ เชี่ยวชาญภูมิประเทศ จึงเลือกที่จะเดินทางผ่านมาทางเส้นทางนี้ และได้หยุดพักเสวยอาหารเที่ยงใน สถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญู แห่งนี้
เมื่อองค์พระนเรศวรมหาราชเสวยอาหารและเหล่าทหารรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย พระองค์จึงสั่งให้ทุบหม้อข้าวทิ้งเพื่อให้ทหารมีความมุ่งมั่นที่จะทำการรบให้มีชัยชนะต่อไป หากปรารถนาที่จะมีข้าวกินต่อไปต้องรบชนะเท่านั้นจึงจะมีอาหารกิน
(ในปัจจุบันหากขุดดินในสถานธรรมดอยดวงแก้วสัพพัญญูแห่งนี้ลึกลงไปประมาณ ๒ เมตร จะสามารถพบเศษหม้อข้าว หม้อแกง ที่แตกหักได้อย่างน่าอัศจรรย์ถึงการตรวจสอบถึงเรื่องราวในอดีตชาติ)
ภพชาตินิมิตที่ครูบาชัยยาปัถพี ทราบในครั้งนี้จะมีเสียงผู้รู้แจ้งออกมาให้ทราบว่า
“ชาติก่อนเราเองนั้นเคยฆ่าคนให้ล้มตายเป็นจำนวนมาก มาในชาตินี้เราจะได้มาช่วยคนแล้วบริวารเก่าที่เคยเป็นทหารเก่าก็จะเข้ามาช่วยเอง ดวงจิตเดิมที่เคยร่วมกันในชาติก่อนนั้นที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็จะได้กลับมาช่วยกันญาติโยมนั้นจะพากันมาช่วยในการปลดปล่อยดวงวิญญาณ”
ในนิมิตที่ครูบาชัยยาปัถพีทราบนั้นภายหลังจากที่พระองค์นเรศวรและทหารเสวยอาหารเรียบร้อยเมื่อครั้งอดีตในสถานที่แห่งนี้(ดอยดวงแก้วสัพพัญญู)แล้วจึงได้เดินทางต่อไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อไปตั้งทัพและพักแรม ซึ่งในสถานที่แห่งนั้น ในปัจจุบันคือสถานที่ ตั้งศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในเขตอำเภอแม่สรวย จ.เชียงราย
จากการรับรู้ทางสมาธิครั้งนี้ของครูบาชัยยาปัถพี ทราบว่าครั้งหนึ่งในอดีตที่ล่วงมานั้นพระนเรศวรได้เคยกรีฑาทัพมาเสวยอาหารในสถานที่แห่งนี้ ถวายเหรียญเนื้อทองคำพระครูบา ณ.วัดดอยดวงแก้ว
และเพื่อเป็นการยืนยันถึงสิ่งที่ครูบาชัยยาปัถพี รับรู้มานั้นมีความแม่นยำเพียงใด ทางผู้เขียนจึงได้ขอเมตตาให้พระอาจารย์สุริยันต์ จันทวัณโณ วัดป่าฉัพพรรณรังสี อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ท่านได้พิจารณาถึงสถานที่ดอยดวงแก้วสัพพัญญูแห่งนี้ท่านได้มีเมตตาพิจารณาแล้วให้ทราบว่า เชิญท่องเที่ยววัดดอยดวงแก้ว
