อย่าประมาทในสิ่ง ๔ ประการ นำเสนอโดย ดอยดวงแก้วสัพพัญญู
เรื่องเล่า
สมัยหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ได้กราบทูลถามพระพุทธองค์ว่า
“สมณพราหมณ์บางพวกเป็นคณาจารย์เป็นเจ้า ลัทธิ มีเกียรติ มีชื่อเสียง ชนส่วนมากยกย่องว่า ดี คือ
ปูรณกัสสปะ มักขลิโคสาล อชิตเกสกัมพล ปกุธกัจจายนะ สัญชัยเวลัฏฐบุตร และ นิครนถ ครูบา
นาฎบุตรสมณพราหมห์ เหล่านั้นเมื่อถูกข้าพระองค์ ถามก็ยังมิกล้าปฎิญาณตนได้ว่าตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ส่วนพระโคดมผู้เจริญยังมีชันษาอยู่ในวัยหนุ่ม และเป็นผู้ใหม่ในบรรพชิตไฉน จึง กล้าปฏิญาณได้เล่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีพระเมตตาตรัสให้ทราบเป็นปริศนาว่า
“ดูก่อนมหาบพิตร สิ่ง ๔ ประการ เหล่านี้ไม่ควรดูหมิ่นว่าเล็กน้อย คือ
๑. กษัตริย์ไม่ควรดูหมิ่นว่ายังทรงพระเยาว์
๒. งูไม่ควรดูหมิ่นว่าตัวเล็ก
๓. ไฟไม่ควรดูหมิ่นว่ากองเล็ก
๔. ภิกษุไม่ควรดูหมิ่นว่ายังใหม่ต่อเพศบรรพชิต
ดอยดวงแก้วสัพพัญญู นำเสนอ นิทานธรรมมะ
ทั้งนี้เพราะเหตุว่ากษัตริย์ได้เสวยราช สมบัติแล้ว เมื่อพิโรธย่อมทรงลงพระอาญาอย่าง
หนักแก่ชายหญิงได้ เพราะฉะนั้นผู้รักษาชีวิตของ ตนพึงงดเว้นการหมิ่น พระบรมเดชานุภาพของกษัตริย์
งูที่บ้านหรือที่ป่าก็ตาม ไม่พึงดูหมิ่นว่าตัวเล็ก เพราะงูเป็นสัตว์ที่มีพิษ พร้อมที่จะฉกกัด ทำร้ายชายหญิงผู้เขลา เพราะฉะนั้น ผู้รักษาชีวิตของตนพึงงดเว้นการดูหมิ่นงูนั้นว่าตัวเล็ก
ไฟ แม้กองเล็กแต่เมื่อได้เชื้อ ย่อมลุกเป็นกองใหญ่ลามไหม้ชายหญิงผู้เขลาในบางคราว เพราะฉะนั้น ผู้รักษาชีวิตของตน พึงงดเว้นการดูหมิ่นไฟนั้นว่ากองเล็ก
ผู้ใดดูหมิ่นภิกษุผู้ยังใหม่ต่อเพศบรรพชิต แต่สูงด้วยคุณธรรมเดชแห่งศีลของภิกษุ ย่อมทำความพินาศแก่ผู้นั้น อีกทั้งทายาทจะไม่ได้รับทรัพย์มรดกบุคคลนั้นจะเป็นผู้ปราศจากเผ่าพันธุ์ เปรียบเสมือนตาลยอดด้วน
เพราะฉะนั้น บุคคลผู้เป็นบัณฑิต พิจารณาเห็นกษัตริย์ผู้ทรงยศ งู ไฟ และภิกษุผู้มีศีล พึงประพฤติต่อสิ่งเหล่านั้นโดยชอบทีเดียว”
ขอบคุณข้อมูล http://phayai.blogspot.com/