ดอยดวงแก้วสัพพัญญู นำเสนอที่มาของชื่อจากปัถพีเป็นชัยยาปัถพี
ความตั้งใจหนึ่งที่ครูบาเณรปัถพี ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นเพราะอยากมาเรียนต่อในทางพระปริยัติธรรมให้สูงขึ้น
แต่ด้วยวาสนาบารมีมีมาในทางสงเคราะห์ผู้คนจึงทำให้มีผู้คนเดินทางมากราบนมัสการครูบาเณรปัถพี มากขึ้นเพื่อขอให้มีเมตตาสงเคราะห์ในความทุกข์ด้านต่างๆ
ครั้งนั้นได้มีโยมคนหนึ่งชื่อวรากร วรสุทธิพิสิทธิ์ ที่ทำธุรกิจขาดทุน และโดนโกงแชร์จนหมดตัว ได้เดินทางมาขอให้ครูบาเณรปัถพี ดอยดวงแก้วสัพพัญญู ช่วยเหลือโยมท่านนี้มีที่ดินแปลงหนึ่ง ได้มาขอเมตตาให้ครูบาเณรปัถพีอธิษฐานจิตให้ เหยียบโฉนดที่ดินให้ เพื่อให้ขายที่ดินให้ได้
ก่อนหน้านั้นครูบาเณรปัถพี ได้นิมิตทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีผู้เดินทางมาขอให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับการขายที่ดิน ครูบาเณรปัถพีอธิษฐานจิตด้วยบทคาถาที่ได้เล่าเรียนมา ขณะนั้นความรู้ในจิตได้ผุดขึ้นให้ทราบว่า ที่ดินแปลงนี้จะขายได้ จึงได้พูดกับโยมชื่อวรากร วรสุทธิพิสิทธิ์ ว่า
“ไม่เกิน ๗ วัน ไปเลย”



ปรากฏว่าโยมชื่อวรากร วรสุทธิพิสิทธิ์ นั้นกลับไปกรุงเทพได้ไม่ถึง ๗ วัน ก็สามารถขายที่ดินแปลงที่นำมาให้ครูบาเณรปัถพี อธิษฐานได้อย่างง่ายดายน่าอัศจรรย์
จากที่ครูบาเณรปัถพี อาศัยอยู่ในกุฏิมุงจาก โยมชื่อวรากร วรสุทธิพิสิทธิ์ จึงได้มาสร้างกุฏิให้ใหม่เป็นกุฏิถาวรสวยงาม
เมื่อครูบาเณรปัถพี มีอายุใกล้อุปสมบท จึงได้เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่พระครูบาอินตาช่วงนั้นท่านป่วยหนัก สามเณรปัถพีกเข้าไปกราบเรียน
“หลวงปู่ ลูกเณรจะอุปสมบทเป็นพระแล้วเน้อ”
หลวงปู่พระครูบาอินตาจึงกล่าวกับครูบาเณรปัถพีว่า
“หลวงปู่คงจะไม่ได้อยู่ไปงานบวชของเจ้าเน้อ ถ้าสูอุปสมบทวันใดให้นำคำว่า ชัยยา นำหน้าไปด้วยเน้อ”
หลวงปู่พระครูบาอินตาได้ตั้งชื่อใหม่ให้แก่สามเณรปัถพี ใหม่โดยขอให้ใช้คำว่า ชัยยา ทางครูบาเณรปัถพีจึงได้นำคำว่า “ชัยยา” มาต่อหน้าชื่อ เพื่อความมีชัยชนะเหนือธรรมทั้งหลาย จนได้ชื่อใหม่ว่า “ชัยยาปัถพี” และต่อมาหลวงปู่พระครูบาอินตาก็ได้มรณภาพ


เข้ากรรมบำเพ็ญบารมี เมื่ออายุ ๒๑ ปี เป็นระยะเวลา ๗ วัน ณ วัดน้ำแพร่ อ.ดอยสะเก็ด จ. เชียงใหม่
เข้ากรรมบำเพ็ญบารมี
เมื่ออายุ ๒๑ ปี เป็นระยะเวลา ๗ วัน ณ วัดน้ำแพร่ อ.ดอยสะเก็ด จ. เชียงใหม่
การเข้าสู่การเข้านิโรธของครูบาชัยยาปัถพี ดอยดวงแก้วสัพพัญญู นั้นก่อนที่จะลงไปอยู่ในหลุมที่เตรียมไว้สำหรับเข้านิโรธจะต้องมีการเตรียมสอบจากคณะสงฆ์ที่ต้องเปลื้องผ้าจีวร ตรวจสบงออกจากกายเสียก่อนเพราะต้องการให้ครูบาชัยยาปัถพี แสดงความบริสุทธิ์ใจในการที่จะไม่ให้มีการนำอาหารใดๆเข้าไปฉันได้เลยในซุ้มที่เข้านิโรธยกเว้นเพียงน้ำเปล่าบริสุทธิ์ ๑ บาตรเท่านั้นตลอด ๗ วัน
จากการเข้านิโรธกรรม ก่อนที่จิตจะเข้าสู่สมาธิดับจากการรับรู้อายตนะทั้งหลาย ครูบาชัยยาปัถพี มักจะได้ยินและสามารถรับรู้ได้ในทางสมาธิถึงทั้งความชื่นชม และนินทาของสาธุชนที่อยู่ข้างนอกบริเวณเข้านิโรธ ที่อยู่ในสถานที่ห่างไกล กับสามารถได้ยินอย่างน่าอัศจรรย์ในพลังกระแสจิต
การเข้านิโรธครั้งนี้ของครูบาชัยยาปัถพี มีความมุ่งมั่นที่จะชำระจิตให้บริสุทธิ์ เพิ่มตบะฌานให้สูงแก่กล้าขึ้น แต่บางครั้งการรวมจิตนั้นไม่ได้รวมอยู่ในกายเพียงเท่านั้น แต่จิตยังมีความปรารถนาที่จะไปเยือนดินแดนสถานที่ลี้ลับอยู่
การบำเพ็ญสมาธิธรรมด้วยการเข้านิโรธกรรมครั้งนี้ จิตของครูบาชัยยาปัถพีเกิดสภาวะธรรมเย็นสบาย ได้เผลอส่งจิตออกนอกกายปรากฏว่า กายทิพย์ที่มีกำลังแก่กล้าได้หลุดออกจากกายเนื้อ กายทิพย์ของครูบาชัยยาปัถพีได้ไปยังดินแดนสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวิมานที่มีความวิจิตรสวยงาม อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
ทราบว่าเป็นดินแดนที่อยู่อาศัยของเหล่าเทพเทวดา รูปร่างหน้าตาของเหล่าเทวดาที่ครูบาชัยยาปัถพีได้พบเห็นในครั้งนี้นั้นที่ได้พบเห็นสาวในดินแดนมิตินี้ หากจะเปรียบว่าสตรีในโลกมนุษย์ที่มีความสวยสดงดงามที่สุด ก็ยังไม่อาจเทียบเทียมได้เลยแม้แต่น้อยกับความงามของสาวชาวสวรรค์ที่มีความงดงามอ่อนช้อย